กล้องดิจิตอล SLR ใหม่ล่าสุดจากแคนนอน รุ่น EOS 50D พัฒนาต่อเนื่องมาจากรุ่น EOS 40D กล้องรุ่นใหม่นี้ใช้เซ็นเซอร์ CMOS ความละเอียดสูง 15.1 ล้านพิกเซล แบบ APS-C (คูณทางยาวโฟกัสเพิ่ม 1.6 เท่า) ถ่ายภาพต่อเนื่องได้เร็ว 6.3 เฟรม/วินาที ต่อเนื่องได้สูงสุดรวดเดียว 90 ภาพเมื่อใช้เมมโมรี่การ์ด UDMA และมาพร้อมกับหน่วยประมวลผลภาพใหม่ DIGIC 4 processor มีช่วงความไวแสงกว้าง ISO 100-3200 ขยายได้ถึง 12800 ระบบออโต้โฟกัส 9 จุด แบบแนวกว้าง จอมอนิเตอร์ LCD ขนาด 3.0 นิ้ว ใหม่ Clear View VGA LCD พร้อมฟังก์ชั่น Live View และโฟกัสใบหน้าอัตโนมัติ Face Detection Live AF โครงสร้างบอดี้แข็งแกร่งทนทานด้วยวัสดุ Magnesium alloy และระบบกำจัดฝุ่น ทำความสะอาดเซ็นเซอร์ภาพ EOS Integrated Cleaning System และมีช่องต่อเชื่อมแบบ HDMI สำหรับเปิดชมภาพคุณภาพสูงจากโทรทัศน์ระบบ High Definition TV รองรับการใช้งานกับเลนส์ Canon EF และ EF-S lenses รวมไปถึงแฟลชตระกูล EX-series Speedlites ทุกรุ่น กำหนดวางจำหน่ายประมาณเดือนตุลาคม 2551 นี้
Canon EOS 50D รุ่นใหม่ล่าสุดจากแคนนอน ออกมาหลังจากรุ่น EOS 40D ประมาณ 1 ปีเท่านั้น (EOS 40D เปิดตัว 20 สิงหาคม 2550) นับเป็นการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วมาก ทั้งนี้แคนนอนได้ปรับปรุง EOS 50D ให้มีประสิทธิภาพที่ดีเยี่ยมกว่าเดิมหลายอย่าง ทำให้กล้องรุ่นนี้เป็นกล้องสำหรับนักถ่ายภาพสมัครเล่นที่จริงจัง จนถึงกึ่งมืออาชีพ ที่น่าสนใจมากอีกรุ่นหนึ่งในวันนี้
จุดเด่นหลักคือ เซ็นเซอร์ภาพ CMOS ใหม่ มีความละเอียดสูงมากถึง 15.1 ล้านพิกเซล โดยมีขนาดเซ็นเซอร์แบบ APS-C เหมือนรุ่น EOS 40D ต้องคูณทางยาวโฟกัสเลนส์เพิ่มเป็น 1.6 เท่า ทำให้ได้เลนส์ทางยาวโฟกัสเพิ่มขึ้นเมื่อใช้เลนส์เทเลโฟโต้ มีประโยชน์มากกับงานที่ต้องการถ่ายภาพระยะไกลๆ เช่น ภาพกีฬา หรือสัตว์ป่าในธรรมชาติ และที่สำคัญคือ ช่วงความไวแสงกว้าง เริ่มต้นที่ ISO 100 จนถึง 3200 และเพิ่มได้สูงสุดถึง 12800 ทำให้ถ่ายภาพได้อย่างดีเยี่ยมในทุกสภาพแสง และเมื่อใช้ ISO สูง ภาพที่ได้ก็มี Noise ต่ำ (ดาวน์โหลดภาพตัวอย่างได้ที่นี่)
หน่วยประมวลผลของ EOS 50D ใช้ DIGIC 4 ซึ่งเป็นกล้องตัวแรกของแคนนอนที่ใช้หน่วยประมวลผลใหม่นี้ และกล้องรุ่นต่อๆ ไปทั้งดิจิตอล SLR และคอมแพคของแคนนอนก็จะเปลี่ยนมาใช้หน่วยบประมวลผลใหม่นี้ทั้งหมด จุดเด่นของ DIGIC 4 คือ ช่วยให้ภาพจากเซ็นเซอร์ CMOS 15.1 ล้านพิกเซล มีความคมชัดสูง ภาพใสเคลียร์ มี Noise ต่ำ การแปลงสัญญานภาพอนาล็อกเป็นดิจิตอล ทำได้ถึง 14 บิต/สี หรือ 42 บิตที่ RGB ทำให้ได้เฉดสีที่สมบูรณ์ใกล้เคียงกับการใช้ฟิล์ม และแสดงโทนภาพได้มากถึง 16,384 ระดับ (ถ้าเป็น 12 บิต จะได้โทนภาพเพียง 4,096 ระดับ) นอกจากนี้ภาพที่ได้ยังมีค่าไดนามิกเร้นจ์กว้างขึ้น บันทึกรายละเอียดภาพตั้งแต่ส่วนสว่างไปจนถึงส่วนมืดได้ดีกว่าเดิม และยังช่วยให้การบันทึกภาพต่อเนื่องเป็นไปอย่างรวดเร็วทันใจ ทำงานได้ดีกับฟังก์ชั่นใหม่ๆ อาทิ Auto Lightning Optimizer และ Face-detection autofocus เมื่อใช้กับฟังก์ชั่น Live View รวมไปถึงการแสดงภาพที่คมชัดบนจอมอนิเตอร์ LCD ขนาด 3.0 นิ้ว VGA
การถ่ายภาพให้มีคุณภาพดีและสวยงามเป็นเรื่องที่ง่ายสำหรับ EOS 50D ด้วยฟังก์ชั่นใหม่หลายอย่าง อาทิ Auto Lighting Optimizer ช่วยให้ภาพดูสว่างสดใสอย่างชัดเจน โดยเฉพาะส่วนที่อยู่ในเงามืด หรือเมื่อ่ถ่ายภาพย้อนแสง (ดูภาพประกอบทางด้านล่าง) และภาพที่มีสีสันสดใส โดยส่วนที่เป็นโทนสว่างยังคงมีรายละเอียดครบถ้วนสมบูรณ์ สำหรับการปรับลด Noise ใน EOS 50D เลือกใช้งานได้ 2 โหมด คือ ลด Noise เมื่อต้องบันทึกภาพด้วยเวลานานๆ เช่น 1 วินาที หรือต่ำกว่า อีกโหมดสำหรับกรณ๊ที่ใช้ความไวแสงสูงเช่น ISO 1600 หรือ 3200 ให้ภาพที่ใสเคลียร์และมี Noise ต่ำ
ฟังก์ชั่นใหม่ที่น่าสนใจอีกอย่างคือ Lens peripheral Illumination correction เมื่อถ่ายภาพในสภาพแสงบางอย่างจะเกิดปัญหาเรื่องแสงสี และความผิดเพีบนที่เกิดจากคุณสมบัติของเลนส์ที่ใช้ ซึ่งคุณสามารถกำหนดเลนส์ที่ใช้งานได้ถึง 40 ตัวลงในกล้อง EOS 50D ผ่านซอพท์แวร์ EOS Utility และเมื่อใช้โปรแกรม Digital Photo Professional ที่ให้มาพร้อมกับตัวกล้อง คุณสามารถแก้ไขได้เกือบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง แสง ความบิดเบือน หรือความคลาดสี
สำหรับฟังก์ชั่น Picture Styles มีการพัฒนาใหม่ สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้เมื่อเปิดชมภาพ โดยสามารถเลือกผลพิเศษต่างๆ ตามที่ต้องการได้ จากค่ามาตรฐาน 6 แบบคือ Standard, Portrait, Landscape, Neutral, Faithful และ Monochrome และปรับแต่งภาพได้หลากหลาย อาทิ sharpness, contrast, saturation, และอื่นๆ รวมทั้งปรับตั้งเองแบบคัสตอมได้ 3 อย่าง ซึ่งดาวน์โหลดมาใช้เพิ่มเติมจากเวบไซต์ หรือออกแบบด้วยตัวคุณเองด้วยซอพท์แวร์ Picture Style Editor ที่ให้มาพร้อมกับตัวกล้อง
แคนนอนพัฒนาเทคโนโลยีทำความสะอาดเซ็นเซอร์ภาพใหม่ในกล้อง EOS 50D โดยชุด Self Cleaning Sensor Unit (ภาพด้านล่าง) จะทำงานอัตโนมัติเมื่อเปิดสวิตช์กล้อง เพื่อทำความสะอาดฟิลเตอร์โลว์พาสที่อยู่หน้าเซ็นเซอร์ภาพ หรือจะสั่งให้ระบบทำความสะอาดเซ็นเซอร์ทำงานเมื่อคุณต้องการก็ได้โดยการปรับตั้งจากเมนู นอกจากนี้ที่ฟิลเตอร์โลว์พาสยังออกแบบการเคลือบผิวแบบใหม่ ทำให้ฝุ่นที่ติดอยู่หลุดออกไปอย่างง่ายดายเมื่อใช้ลูกยางเป่าลมไล่ฝุ่น หากยังมีฝุ่นติดอยู่อีก สามารถใช้ฟังก์ชั่น Dust Delete บันทึกข้อมูลของฝุ่นที่ติดอยู่ในภาพ แล้วลบออกในภายหลังอัตโนมัติด้วยซอพท์แวร์ Digital Photo Professional ที่ให้มาพร้อมกับตัวกล้อง
Canon EOS 50D ถ่ายภาพต่อเนื่องได้รวดเร็วมาก แม้ว่าจะถ่ายภาพที่ความละเอียดสูงสุด 15.1 ล้านพิกเซลก็ตาม โดยถ่ายต่อเนื่องได้เร็วสุด 6.3 เฟรม/วินาที ต่อเนื่อง 90 ภาพแบบรวดเดียว (ทดสอบด้วยเมมโมรี่การ์ด CF 2GB UDMA (Ultra Direct Memory Access) เลือก JPEG/Large) และเลือกขนาดไฟล์ Jpeg ได้ 6 แบบ และไฟล์ RAW อีก 2 แบบคือ sRAW1 และ sRAW2
ฟังก์ชั่น Live View ช่วยให้การถ่ายภาพโดยการมองผ่านจอ LCD เป็นไปอย่างง่ายดาย สามารถถ่ายภาพง่ายๆ แบบเล็งแล้วถ่าย โดยได้ภาพที่คมชัดไม่ผิดพลาด ด้วยฟังก์ชั่น Face-detection live mode ช่วยให้โฟกัสใบหน้าได้อย่างถูกต้องโดยอัตโนมัติ และเลือกใช้งานได้ 2 แบบคือ Quick mode และ Live mode และยังออกแบบให้แสดงเส้นตารางบนจอภาพได้ 2 แบบ ช่วยให้การจัดองค์ประกอบภาพสะดวกง่ายดายมากยิ่งขึ้น รวมทั้งสามารถซูมขยายภาพขึ้นมาดูรายละเอียดได้ 5 หรือ 10 เท่า เพื่อตรวจสอบการปรับโฟกัสและดูรายละเอียดในส่วยต่างๆ ของภาพ นอกจากนี้ยังใช้ Live View ร่วมกับคอมพิวเตอร๋เพื่อดูภาพและสั่งควบคุมการถ่ายภาพผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์โดยใช้งานร่วมกับซอพท์แวร์ EOS Utility ที่ให้มาพร้อมกับตัวกล้อง
จุดเด่นสำคัญอีกอย่างของ EOS 50D คือ การใช้เซ็นเซอร์ออโต้โฟกัสแบบกากบาททั้ง 9 จุด ทำให้โฟกัสได้รวดเร็วและแม่นยำ โดยเซ็นเซอร์แต่ละจุดมีรูปทรงแบบเพชรวางตำแหน่งไขว้กันแบบกากบาทในแนวตั้งและแนวนอน ทั้งนี้จุดโฟกัส 8 จุดจะทำงานได้กับเลนส์ไวแสง f/5.6 หรือกว้างกว่า ส่วนอีก 1 จุดตรงกลางจะไวแสงกับเลนส์ f/2.8 หรือกว้่างกว่า ทำให้การถ่ายภาพวัตถุที่มีการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วทำได้อย่างไม่ผิดพลาด และเลือกโหมดโฟกัสได้ 3 แบบ หรือจะปรับโฟกัสเองแบบแมนนวลก็ได้ นอกจากนี้ยังออกแบบให้สามารถปรับชิพท์จุดโฟกัสอัตโนมัติเพื่อให้โฟกัสได้ถูกต้องในสภาพที่มีแสงแตกต่างกัน หรือปรับชิพท์จุดโฟกัสเองก็ได้แบบ AF Microadjustment ด้วยการปรับตั้งจากคัสตอมฟังก์ชั่น
EOS 50D ออกแบบจอมอนิเตอร์ใหม่ ขนาด 3.0 นิ้ว VGA LCD ความละเอียดสูงถึง 920,000 จุด สามารถกันรอยขีดข่วนต่างๆ ได้เป็นอย่างดี มองดูภาพได้อย่างชัดเจนทั้งขณะถ่ายภาพและเปิดชมภาพที่บันทึกไปแล้ว และการออกแบบเคลือบผิวหน้าจอแบบสามชั้นใหม่ ยังช่วยป้องกันแสงสะท้อนทำให้มองดูภาพได้ชัดเจนแม้ว่าจะใช้กล้องถ่ายภาพกลางแจ้งที่มีแสงแดดจัด และยังปรับเพิ่มลดความสว่างของหน้าจอได้อีก 7 ระดับ มีมุมมองกว้่าง 160 องศา ช่วยเพิ่มความสะดวกในการมองดูภาพด้วยฟังก์ชั่น Live View
ช่องมองภาพของ EOS 50D มีขนาดใหญ่ขึ้น สว่าง และแสดงข้อมูลการถ่ายภาพได้อย่างครบถ้วน อาทิ ค่าการเปิดรับแสง, ความไวแสง ISO, ออโต้โฟกัส และการปรับตั้งโหมดแฟลช เป็นต้น ช่องมองภาพใหม่มีอัตราขยาย 0.95x มองเห็นภาพ 95% โดยใช้แก้วเพนทาปริซึมใหม่ที่มีความสว่างสูง มองภาพได้ห่างถึง 22 มม. ด้วยมุมมอง 26.4 องศา ทำให้มองภาพได้สะดวกแม้ว่าผู้ใช้จะสวมแว่นตาขณะถ่ายภาพ นอกจากนี้ยังเปลี่ยนโฟกัสซิ่งสกรีนได้อีก 3 แบบเพื่อความเหมาะสมในการถ่ายภาพ
โครงสร้างบอดี้ของ EOS 50D ทำจากโลหะ stainless steel และ magnesium alloy แข็งแรงทนทานมั่นใจได้ว่าชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์อันซับซ้อนที่อยู่ภายในตัวกล้องจะปลอดภัยจากการใช้งานหนัก ต่างกับกล้องดิจิตอลทั่วๆ ไปที่มีโครงสร้างบอดี้เป็นพลาสติก และยังซีลรอยต่อต่างๆ เพื่อป้องกันความชื้น รวมไปถึงซีลฝาครอบแบตเตอรี่และช่องใส่เมมโมรี่การ์ด ทำให้ใช้งานได้ดีในทุกสภาวะอากาศ ช่วงความเร็วชัตเตอร์ 30 - 1/8000 วินาที เพียงพอกับการใช้งานทุกรูปแบบ และชุดชัตเตอร์ยังใช้งานได้ยาวนานถึง 100,000 ครั้ง (โดยประมาณ) เหมาะสำหรับนักถ่ายภาพที่จริงจังหรือมืออาชีพ โดยมีความเร็วชัตเตอร์ที่สัมพันธ์กับแฟลช 1/250 วินาที เลือกให้สัมพันธ์แฟลชอัตโนมัติช่วง 1/60-1/250 วืนาทีได้เพื่อแก้ปัญหาเรื่องฉากหลังดำมืดจากการใช้ชัตเตอร์สูงเกินไป โดยทำงานเต็มระบบกับแฟลชเฉพาะกิจของแคนนอนตระกูล EX สำหรับการถ่ายภาพหน่วงเวลาเพื่อตั้งกล้องถ่ายตัวเอง 10 วินาที และเลือกแบบ 2 วินาทีได้กรณีตั้งกล้องบนขาตั้งและใช้ชัตเตอร์ต่ำโดยไม่มีสายลั่นชัตเตอร์ ช่วยลดการสั่นไหว ทำให้ได้ภาพถ่ายที่คมชัด
Canon EOS 50D แม้ว่าจะมีระบบการทำงานมากมายที่ดูเหมือนว่าจะใช้งานยาก แต่กลับออกแบบให้ใช้งานได้อย่างง่ายดาย ด้วยการแสดงผลบนหน้าจอ LCD แบบใหม่ที่เรียกว่า Quick Control ทำให้เข้าถึงการปรับตั้งเมนูและฟังก์ชั่นต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว เพียงใช้จอยสติ๊กเลือกว่าต้องการปรับอะไร เมื่อกดปุ่ม Set จะแสดงเมนูการปรับตั้งทันที และยังออกแบบ Creative Auto mode ใหม่นำมาใช้ในกล้อง EOS 50D เป็นครั้งแรก ช่วยให้การบันทึกภาพแบบออโต้ง่ายดายมากขึ้น โดยผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ทางด้านการถ่ายภาพมากมายนัก และการแสดงเมนูเลือกแสดงภาษาได้มากถึง 25 ภาษา เลือกขยายการแสดงผลให้มีขนาดใหญ่เพื่อให้มองดูได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น สำหรับแป้นหมุนเลือกโหมดบันทึกภาพยังคงเหมือนกับรุ่น EOS 40D เดิม สามารถเลือกปรับแต่งการทำงานต่างๆ ได้ด้วยตัวคุณเองโดยมีคัสตอมฟังก์ชั่นให้ปรับได้มากถึง 25 แบบจากค่ามาตรฐานที่กล้องปรับตั้งมาให้ เพื่อความเหมาะสมในการถ่ายภาพแต่ละรูปแบบ อาทิ การเปิดรับแสง การปรับควบคุมภาพ และระบบออโต้โฟกัส นอกจากนี้ความไวแสงยังออกแบบให้มีช่วงการใช้งานกว้างมากยิ่งขึ้น เพิ่มขีดความสามารถในการเปิดรับแสงด้วยฟังก์ชั่น Auto Lightning Optimizer ช่วยให้ภาพมีรายละเอียดที่ชัดเจนทั้งส่วนที่เป็นโทนสว่างและโทนมืดอัตโนมัติซึ่งการถ่ายภาพตามปกติไม่สามารถทำได้ เหมาะสำหรับการถ่ายภาพในสภาพแสงที่มีความแตกต่างกันมาก เช่น ถ่ายภาพบุคคลกลางแจ้งแบบย้อนแสง และสามารถพิมพ์ข้อความต่างๆ เช่น ชื่อผู้ถ่าย หรือข้อมูลด้านลิขสิทธิ์ภาพ ลงในข้อมูล Exif metadata ติดกับไฟล์ภาพทุกภาพโดยผ่านซอพท์แวร์ EOS Utility ที่ให้มาพร้อมกับตัวกล้อง
แคนนอน EOS 50D มีเลนส์คุณภาพสูงที่มีชื่อเสียงตระกูล Canon EF ให้เลือกใช้มากมายกว่า 60 ตัว จากเลนส์มุมกว้าง 14 มม. ไปจนถึงซุปเปอร์เทเลโฟโต้ 800 มม. โดยมีเทคโนโลยีการออกแบบชิ้นเลนส์พิเศษ Ultra Low Dispersion (UD) และ Super UD fluorite พร้อมด้วยเลนส์ (บางรุ่น) ที่มีระบบป้องกันภาพสั่นไหว Canon IS (Image Stabilizer) ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของแคนนอน ช่วยลดการสั่นไหวจากการถือกล้องไม่นิ่งหรือใช้ความเร็วชัตเตอร์ต่ำเกินไป (ต่ำกว่าปกติสูงสุด 4 สตอป) ทำให้ได้ภาพที่คมชัดโดยไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้อง หมดกังวลเรื่องภาพเบลอไม่คมชัด มีเลนส์ให้เลือกทั้งแบบเลนส์ซูมและเลนส์ทางยาวโฟกัสเดี่ยว พร้อมกันนี้แคนนอนยังได้เปิดตัวเลนส์ซูมครอบจักรวาลรุ่นใหม่ EF-S 18-200mm f/3.5-5.6 IS มีคุณภาพสูง พร้อมระบบ IS ป้องกันภาพสั่นไหว ถ่ายภาพได้คมชัดทุกช่วงทางยาวโฟกัสตั้งแต่ช่วงมุมกว้างไปจนถึงเทเลโฟกัส เหมาะสำหรับใช้เป็นเลนส์มาตรฐานติดกล้องโดยไม่ต้องเสียเวลาเปลี่ยนเลนส์ไปมา
คุณสามารถเปิดชมภาพถ่ายคุณภาพสูงได้อย่างชัดเจนและสวยงามผ่านโทรทัศน์ระบบ High Definition TV เพียงเชื่อมต่อกล้องแคนนอน EOS 50D เข้ากับโทรทัศน์ HDTV โดยตรงผ่านช่องต่อเชื่อมแบบ HDMI (ต้องใช้อุปกรณ์เสริม สายเคเบิล HDMI Cable HTC-100) แบ่งปันภาพถ่ายอันสวยงามของคุณไปยังคนอื่นๆ ได้ร่วมชื่นชมผ่านจอโทรทัศน์ขนาดใหญ่ โดยกล้องจะปรับสัญญานที่เหมาะสมกับโทรทัศน์ HDTV แต่ละรุ่นอัตโนมัติ และเลือกแสดงภาพแบบสัดส่วนที่ถูกต้อง 3:2 ตามที่กล้องบันทึกมา และมีฟังก์ชั่นแสดงภาพแบบสไลด์โชว์เลื่อนภาพอัตโนมัติ โดยเลือกให้เล่นภาพสไลด์โชว์ทั้งหมดในเมมโมรี่การ์ดหรือเลือกแสดงเฉพาะภาพที่ต้องการ รวมทั้งเลือกแสดงภาพแบบวนต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ได้
แคนนอน EOS 50D ไม่ได้เป็นเพียงกล้องถ่ายภาพธรรมดา แต่ยังออกแบบให้รองรับการทำงานด้านดิจิตอลที่หลากหลาย อาทิ การส่งภาพแบบไร้สาย โดยใช้ร่วมกับอุปกรณ์เสริม Wireless File Transmitter WFT-E3/E3A (หากมีอยู่แล้วและต้องการนำมาใช้กับ EOS 50D ต้องอัพเดทเฟิร์มแวร์เสียก่อน) ออกแบบลักษณะเป็นกริปต่อเข้ากับกล้องทางด้านล่าง มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา ช่วยให้ส่งภาพไปยังคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ภายนอกอื่นๆ ได้ทั้งแบบมีสายและไร้สาย (ระบบเครือข่าย LAN) และยังบันทึกภาพไปเก็บไว้ในอุปกรณ์บันทึกภายนอกได้เช่น ฮาร์ดดิสก์ที่มีพอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB หรือจะต่อเข้ากับอุปกรณ์รับสัญญานดาวเทียมเพื่อบันทึกพิกัดตำแหน่งที่ถ่ายภาพ (GPS) ก็ได้ นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์เสริมแบตเตอรี่กริปรุ่น BG-E2N ช่วยให้ถ่ายภาพได้มากขึ้นเป็นเท่าตัว ด้วยช่องใส่แบตเตอรี่ BP-511A ชนิดลิเธี่ยม-ไอออน พร้อมกัน 2 ก้อน หรือจะใช้แบตเตอรี่ AA 6 ก้อนก็ได้ และยังออกแบบให้เป็นกริปมือจับในแนวตั้งพร้อมปุ่มกดชัตเตอร์ ให้ความสะดวกในการถ่ายภาพแนวตั้งได้อย่างคล่องตัวเช่นเดียวกับการถ่ายภาพในแนวนอนตามปกติ และแบตเตอรี่กริป BG-E2N ยังออกแบบให้ซีลรอยต่อต่างๆเพื่อป้องกันละอองน้ำและความชื้น ทำให้ใช้งานได้ทุกสภาวะอากาศ
สำหรับระบบแฟลช นอกจากแฟลชในตัวกล้องแล้ว ยังทำงานได้สมบูรณ์แบบกับแฟลชเฉพาะกิจภายนอกของแคนนอนรุ่น Speedlite 580EX II หรือ Speedlite 430EX II ซึ่งเป็นแฟลชรุ่นใหม่ที่ซีลป้องกันละอองน้ำและความชื้นได้เช่นกัน เมื่อใช้กับแฟลชสองรุ่นนี้จะสามารถปรับตั้งควบคุมการทำงานของแฟลชได้จากจอมอนิเตอร์ LCD ที่ตัวกล้อง อาทิ เลือกโหมดแฟลช การสัมพันธ์กับแฟลช ชดเชยแสงแฟลช และซูมหัวแฟลช เป็นต้น หากต้องการใช้ระบบแฟลชไร้สาย สามารถใช้แฟลชรุ่น Speedlite 580EX II สั่งให้แฟลชดวงอื่นๆ ทำงานได้ เพื่อจัดแสงแฟลชถ่ายภาพตามที่ต้องการ
แคนนอน EOS 50D มาพร้อมกับซอพท์แวร์จัดการภาพถ่ายดิจิตอลที่มีความเร็วสูง สามารถปรับแต่งภาพได้หลากหลายเพื่อสร้างสรรค์ผลงานภาพถ่ายให้สวยงามตามที่ต้องการ เริ่มจากซอพท์แวร์ EOS Utility ที่ใช้เชื่อมต่อกับซอพท์แวร์อื่นๆ ทั้งหมด สามารถดาวน์โหลดไฟล์ภาพจากกล้องไปยังคอมพิวเตอร์ ได้อย่างสะดวกและง่ายดาย จะเลือกโหลดภาพทั้งหมดหรือเลือกเฉพาะภาพที่ต้องการก็ได้ และยังเชื่อมต่อกับการถ่ายภาพแบบ Remote Live View shooting สั่งถ่ายภาพจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ได้ โดยควบคุมกล้องได้เกือบทุกอย่าง และดูภาพ Live View ได้จากจอคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ ที่สำคัญคือซอพท์แวร์ Digital Photo Professional (DPP) สามารถจัดการไฟล์ RAW ได้อย่างดีเยี่ยม และบันทึกภาพกลับเป็นฟอร์แมท JPEG หรือ TIFF ใช้งานง่ายๆ แบบลากแล้ววาง รวมไปถึงการปรับแต่งภาพอื่นๆ เช่น เพิ่มลดความสว่าง เปลี่ยนไวท์บาลานซ์ ปรับแต่งพิกเจอร์สไตล์ และการลด Noise หรือปรับแต่ง Auto Lighting Optimizer นอกจากนี้ยังปรับแก้ไขภาพอื่นๆ ได้ อาทิ แก้ไขเรื่องความบิดเบือนของภาพ ลดความคลาดสี และความเบลอของสี เป็นต้น ซอพท์แวร์อื่นๆ ที่ให้มาพร้อมกับตัวกล้อง อาทิ ZoomBrowser EX/Image Browser สำหรับการเปิดชมภาพและตกแต่งภาพฟอร์แมท JPEG และซอพท์แวร์ Picture Style Editor สำหรับการสร้างและปรับแต่ง Picture Style ตามที่คุณต้องการแล้วบันทึกกลับเข้าไปในกล้อง EOS 50D เพื่อเรียกมาใช้งานในการบันทึกภาพครั้งต่อไป
ข้อมูลจาก www.shutterphoto.com
มีข่าวมาบอก
11 ปีที่ผ่านมา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น